นอร์เวย์จะมี ‘รถอีวี’ บนท้องถนนมากกว่า ‘รถเบนซิน’ เป็นประเทศแรกในโลก

นอร์เวย์จะมี ‘รถอีวี’ บนท้องถนนมากกว่า ‘รถเบนซิน’ เป็นประเทศแรกในโลก

อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 2567
  • Share :
  • 907 Reads   

นอร์เวย์มีแนวโน้มเป็นประเทศแรกในโลกที่มีรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles) วิ่งบนท้องถนนมากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันเบนซินภายในสิ้นปีนี้ หรือไม่เกินต้นปีหน้า โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะยุติการขายรถยนต์เบนซินและดีเซลใหม่ภายในปี 2568 

นอร์เวย์ 2 เม.ย. 67 รอยเตอร์เผยข้อมูลจาก The Norwegian Public Roads Administration ณ วันที่ 15 มีนาคม พบว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEVs คิดเป็น 24.3% ของรถยนต์ 2.9 ล้านคันในนอร์เวย์ ในขณะที่รถยนต์เบนซินคิดเป็น 26.9% ซึ่งหมายความว่ามีรถยนต์เบนซินเกือบ 76,000 คัน อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมา นอร์เวย์มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Battery Electric Vehicles (BEVs) ใหม่มากถึง 104,590 คัน

ขณะที่ Robbie Andrew นักวิจัยอาวุโสของ CICERO (ศูนย์วิจัยสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศของนอร์เวย์) แสดงความเห็นว่า “หากแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปอีก 12 เดือนข้างหน้า และเมื่อพิจารณาจากยอดขายรถยนต์ใช้น้ำมันในตอนนี้แล้ว ในปีหน้าจะมีรถยนต์ BEVs บนท้องถนนมากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน และเป็นไปได้ที่อาจจะก่อนสิ้นปีนี้” 
 

Advertisement

ตามการคำนวณของรอยเตอร์และนักวิเคราะห์ดังกล่าว นอร์เวย์จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นประเทศแรกที่มีรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEVs บนท้องถนนมากกว่ารถยนต์เบนซินภายในปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568 โดยปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมาจากรายได้มหาศาลจากน้ำมันและก๊าซ ที่รัฐบาลนอร์เวย์นำมาใช้ในการสนับสนุนการใช้ BEVs 

การเปลี่ยนแปลงของนอร์เวย์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย เนื่องจากประเทศได้ยกเว้นการเสียภาษีในการซื้อ BEVs และลงทุนสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ

‘นอร์เวย์’ ประเทศที่มีประชากร 5.5 ล้านคน ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศแรกที่ยุติการขายรถยนต์เบนซินและดีเซลใหม่ โดยในปี 2568 จะไม่มีการขายรถยนต์ใหม่ที่ใช้เชื้อเพลิงเหล่านี้อีกต่อไป ข้อมูลสถิติรายงานว่า จากจุดเริ่มต้นของปีนี้ในเดือนมกราคมมียอดขายรถยนต์ใหม่ 9 ใน 10 คันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BEVs หากมีประเทศอื่นทำตามตัวอย่างของนอร์เวย์ อาจจะทำให้มีการใช้น้ำมันลดลงเร็วกว่าที่คาดหวังไว้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่า การใช้น้ำมันจะลดลงก่อนปี 2573 โดยรถยนต์และรถตู้จะมีส่วนร่วมในการใช้น้ำมันมากกว่า 25%

คาดใช้เวลา 3-4 ปี  BEV ถึงจะแซงหน้าจำนวนรถยนต์ดีเซลได้ 

นักวิเคราะห์อาวุโส Robbie Andrew ยังกล่าวอีกว่า บนถนนของนอร์เวย์มีรถยนต์ดีเซลเกือบ 370,000 คัน ซึ่งมากกว่าจำนวนรถยนต์ BEVs หากต้องการจะแซงรถยนต์ดีเซลแล้ว อาจต้องใช้เวลาสามถึงสี่ปี

ด้าน Ingvild Kilen Roerholt หัวหน้าฝ่ายวิจัยการขนส่งของ Zero ที่ออสโล กล่าวว่าจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า BEVs ในประเทศนอร์เวย์ปีนี้กำลังเพิ่มจำนวนมากกว่ารถยนต์เบนซิน ถึงแม้ยอดขายมีการลดลงเมื่อเร็ว ๆนี้ก็ตาม

ยอดขายรถ BEVs ใหม่ลดลงประมาณ 1/4 จากปีที่แล้วในนอร์เวย์ เนื่องจากการขายรถใหม่ ๆ ทั่วไปลดลง ซึ่งเป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและการปรับลดส่วนลดภาษีของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากสมาคมถนนนอร์เวย์ (OFV) ชี้ว่า ในเดือนมกราคมส่วนแบ่งยอดขาย BEVs ทำสถิติสูงสุดที่ 92.1% ของยอดขายรวม ขณะที่เดือนมีนาคม BEVs มีส่วนแบ่งลดลงเป็น 89.3% และยอดขายรถใหม่ลดลง 49.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี 

ในปีที่แล้ว รัฐบาลนอร์เวย์ได้ยกเลิกการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ BEVs ที่มีราคาเกิน 500,000 โครนนอร์เวย์ (46,700 ดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้ราคาโมเดลเช่น Tesla X และ Audi e-tron สูงขึ้น แต่ยังมีการยกเว้นภาษีสำหรับรถ BEVs รุ่นอื่น ทำให้รัฐบาลใช้จ่าย 43 พันล้านโครนนอร์เวย์ในปี 2566 เพิ่มจาก 39.4 พันล้านโครนนอร์เวย์ในปี 2565 ตามเอกสารงบประมาณ

ถึงแม้ยอดขายรถยนต์จะลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ Roerholt ยังแสดงความมั่นใจว่ายอดขายรถ BEVs ใหม่ในนอร์เวย์จะเกิน 76,000 คันในปีนี้ 

นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าจำนวนรถ BEVs อาจเกินจำนวนรถยนต์เบนซินและดีเซลรวมกันในนอร์เวย์ในปี 2572  และเพื่อให้เดินไปถึงเป้าหมายดังกล่าว เราจำเป็นต้องบรรลุเป้าหมายที่รถยนต์ใหม่ 100% จะต้องเป็นรถยนต์ไร้มลพิษในปี 2568

#ElectricVehicles #รถยนต์ไฟฟ้า #norway #zeroemission #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม
 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH