เมื่อเดือนธันวาคม 2016 Mr. Kazuhiro Tsuga ประธานบริษัท Panasonic ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเติบโตของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ยานยนต์ไว้อย่างมั่นใจว่า “อ่านขาดมานานแล้ว” หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลชาติต่าง ๆ เช่น ประเทศแถบยุโรป จีน และอินเดีย ต่างเริ่มร่างนโยบายรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น นโยบายผลักดัน EV ออกมาตามที่ประธาน Tsuga กล่าวไว้

ส่วนแบ่งตลาด 40%

Panasonic มีส่วนแบ่งตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium Ion Battery. LIB) อยู่ที่ 40% ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Panasonic ได้เริ่มการผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ที่รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐฯ ซัพพลายสินค้าให้กับผู้ผลิต EV Tesla และมีแผนตั้งโรงงานเพิ่มที่เมืองต้าเหลียน ประเทศจีน รวมถึงเปลี่ยนโรงงานผลิตผลึกเหลวของตนเอง ที่เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโงะในญี่ปุ่น ให้เป็นฐานการผลิตแบตเตอรี่ในปี 2019 จึงคาดการณ์ได้ว่าส่วนแบ่งในตลาดยานยนต์โดยเฉพาะแบตเตอรี่ จะมากขึ้นไปอีก โดยได้ตั้งเป้ายอดขายรวมในปี 2018 ไว้ที่ 7.5 แสนล้านเยน ซึ่งมากกว่าปี 2016 ถึง 88%

ขยายการลงทุน

อย่างไรก็ตาม Mr. Yoshio Ito ได้ให้ความเห็นว่า “ความสามารถในการซัพพลายสินค้าของ Panasonic ไม่เพียงพอต่อความต้องการที่มากขึ้นอย่างเห็นชัด” ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมากถึง 3 แสนล้านเยนหรือมากกว่า

ด้วยเหตุนี้ Panasonic จึงตัดสินใจทิ้งตลาดแบตเตอรี่สำหรับครัวเรือน และมุ่งไปที่ตลาดแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรม โดยมีอีกสาเหตุมาจากการที่ Samsung และ LG ได้รุกตลาดแบตเตอรี่สำหรับครัวเรือนอย่างรุนแรงจนสินค้าราคาตกมาจนกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ มีผู้แสดงความกังวลถึงสถานการณ์ตลาดว่า หากมีคู่แข่งลงทุนในตลาดแบตเตอรี่ยานยนต์มากขึ้นแล้ว จะทำให้ราคาสินค้าตกลงตามไปด้วยหรือไม่

รองประธาน Ito ได้โต้ความเห็นนี้ว่า “แบตเตอรี่ยานยนต์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยากในการปรับสภาพเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ และจะไม่เป็นไปอีกหลายปี” ซึ่งเป็นผลจากความต้องการแบตเตอรี่ยานยนต์ของผู้ผลิตแต่ละรายที่มีสเปคต่างกัน และการผลิตแบบจำนวนมากทำได้ยาก จึงเป็นไปได้ยากที่จะเกิดการแข่งขันด้านราคา