คำต่อคำ…อันตวน บาร์เตส ส่ง “นิสสัน ลีฟ” ชิงนำเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 2560
  • Share :
  • 534 Reads   

ความทุ่มเทของนิสสันต่อการพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านั้นมีความชัดเจนยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกไม่นานเกินรอ นิสสัน ลีฟ ใหม่ จะมีโอกาสอวดโฉมในประเทศไทยอย่างแน่นอน

ในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา “อันตวนบาร์เตส” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงความเคลื่อนไหวนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

Q: นิสสันมีแผนการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างไร

ยังเร็วเกินไปที่จะตอบเวลานี้ แต่เราได้พูดไปแล้วในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่าจะเปิดตัวลีฟ รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทย และจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในเวลาที่เหมาะสม เรากำลังทำงานเพื่อเตรียมความพร้อม

Q: กลุ่มเป้าหมายของลีฟคือใคร

เป็นเรื่องน่าสนใจและน่าตื่นเต้น เนื่องจากเรากำลังจะเปิดตลาดที่ยังไม่มีในปัจจุบัน ไม่มีใครจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทย กลุ่มเป้าหมาย

สำหรับนิสสัน ลีฟ ใหม่ จะผสมผสานลูกค้ากลุ่มองค์กร หรือลูกค้าฟลีต (fleet) เช่นหน่วยงานรัฐที่ได้ประกาศแผนการใช้รถยนต์ที่มีมลพิษต่ำภายในหน่วยงาน อีกกลุ่มหนึ่งคือลูกค้าที่มีรถยนต์ในครอบครัวหลายคัน และมีกำลังซื้อสูง รถยนต์ไฟฟ้าเป็นโซลูชั่นในอุดมคติสำหรับคนที่อาศัยในเมือง สามารถตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวัน นิสสัน ลีฟ ใหม่ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสภาพการจราจร ระยะทางการขับขี่ เช่น ในกรุงเทพฯ

Q: โครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังไม่สนับสนุนการเปิดตัวรถยนต์ประเภทนี้ จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าหรือไม่

 

ลีฟในปัจจุบันใช้งานได้มากกว่า 400 กม. (ในการชาร์จไฟ 1 ครั้ง) และคนส่วนใหญ่จะไม่ขับขี่ไกลกว่า 100 กม. ดังนั้น เราเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน และไม่จำเป็นต้องใช้สถานีชาร์จไฟฟ้าที่อื่น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเราจะได้เห็นสถานีชาร์จไฟเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน

Q: คุณได้สำรวจตลาดเกี่ยวกับการรับรู้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้วหรือยัง

เรากำลังทำการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจในความคาดหวังของลูกค้าอย่างเต็มที่ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกสิ่งที่เราทำ ดังนั้นแทนที่เราจะบริหารจัดการกันเองในองค์กรตามความรู้สึกหรือประสบการณ์ที่เรามี แต่เราก็ต้องการรับฟังเสียงของลูกค้าด้วย นอกจากนี้เรายังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการติดตามความคาดหวังของลูกค้า และปรับตัวให้เข้ากับการพัฒนาที่เกิดขึ้น เพราะความคาดหวังจะเปลี่ยนแปลงไปในไม่กี่ปีข้างหน้า

Q: นิสสันจะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยหรือไม่

นั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน

Q: การจำหน่ายลีฟนั้นเกิดขึ้นด้วยเหตุผลด้านการสร้างภาพลักษณ์หรือว่าเพื่อความสำเร็จทางธุรกิจจริง ๆ

เราต้องการนำเสนอ นิสสัน ลีฟ ใหม่เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และขณะเดียวกันแน่นอนว่าลีฟจะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนแบรนด์ของเรา ด้วยยอดจำหน่ายรถไฟฟ้าที่สูงที่สุดในโลกมากกว่า 280,000 คัน สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแบรนด์ ตำแหน่งทางการตลาด ลูกค้าจะเข้าใจว่าวิสัยทัศน์ของเราคืออะไร ที่เราต้องระมัดระวัง ลีฟไม่ใช่ทุกคำตอบความต้องการ แต่จะตอบโจทย์ลูกค้าในเมืองใหญ่

Q: e-Power คือระบบขับเคลื่อนที่เหนือกว่าลีฟรุ่นใหม่ ทำไมคุณถึงไม่แนะนำ e-Power ก่อน

e-Power ได้รับการจัดจำหน่ายครั้งแรกในญี่ปุ่น และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องเข้าใจในความคาดหวังของลูกค้า (ก่อนจะนำเข้ามา) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย

Q: รถยนต์รุ่นใด (ของแบรนด์อื่น ๆ) ที่จะเป็นคู่แข่งโดยตรงของลีฟ

ปัจจุบันยังไม่มีการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในประเทศไทย ดังนั้น เราจะเป็นผู้สร้างเซ็กเมนต์ขึ้นมาในไทย นั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก

Q: ราคาจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร

ในภาพรวมจะต้องแข่งขันได้ เราจะเปิดเผยข้อมูลนี้เพิ่มเติมในภายหลัง

ปัจจุบันเรามีเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิม เรามีรถยนต์พลังไฟฟ้าแบตเตอรี่ และเรามี e-Power ซึ่งไม่ใช่รถยนต์ไฮบริดไฟฟ้าแบบดั้งเดิม ที่ตัวรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และเครื่องยนต์ทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จไฟฟ้าสู่แบตเตอรี่ เรามีรถยนต์ไฮบริดไฟฟ้าซึ่งทำตลาดเมืองไทยอยู่แล้วนั่นคือเอ็กซ์เทรล เราไม่ได้คาดหวังว่าเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบจะเข้ามาแทนที่ผลิตภัณฑ์ของเรา แต่จะเป็นการส่งเสริมต่อยอดมากกว่า

Q: มีโครงการพัฒนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์พลังงานทางเลือกสำหรับประเทศไทยหรือไม่

เรามีการเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบบางรุ่นในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา จะเห็นว่าเรามีเทคโนโลยีครบทุกประเภทในมือมากพอ และตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้ทั่วโลก

Q: มองตลาดรถยนต์เมืองไทยในปีหน้าอย่างไร

เป็นเรื่องยากที่จะประเมินตลาดอย่างถูกต้อง ในฐานะบริษัทญี่ปุ่น ครึ่งแรกของปีสิ้นสุดเดือนกันยายนเราโตอยู่ที่ 6.9% นั่นหมายความว่าเป้าหมาย 7% หรือยอดขายกว่า 60,000 คัน นั้นใกล้เคียงความจริงอย่างมาก โดยในช่วงสิ้นเดือนกันยายน เรามีการเติบโตต่อปีที่รวดเร็วที่สุดในตลาดเมืองไทย นับเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งบอกว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว

ภารกิจของเราคือการยืนอยู่แถวหน้าของการครองส่วนแบ่งตลาดเมืองไทยภายในปี 2563

Q: จุดแข็งของนิสสันคืออีโคคาร์ คุณต้องการเสริมความแข็งแกร่งส่วนใดเพิ่มเติม

นิสสันมีประวัติความสำเร็จในตลาดอีโคคาร์ ในเชิงจิตวิทยา ความสำเร็จนี้ปูทางสู่อนาคตที่สดใสของแบรนด์นิสสัน เรายังมีรถกระบะอย่างนาวารา ที่มียอดขายสูงมากเช่นกัน มีรถยนต์เอสยูวี เอ็กซ์เทรล มีซีดาน ซี-เซกเมนท์ ซิลฟี่ เมื่อผสมผสานตลาดรถยนต์อีโคคาร์ และรถกระบะแล้วจะพบว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและน่าสนใจอย่างมากสำหรับตลาดเมืองไทย

Q: มีโครงการใหม่ ๆ ในอนาคตระยะใกล้หรือไม่

เรามีรากฐานที่มั่นคงในประเทศไทย และเราคิดว่าการแสวงหาโอกาสเพิ่มเติมจากความมั่นคงนั้นมีความสำคัญ เรามีโรงงาน 2 แห่งที่ดำเนินการผลิตกำลัง เรามีศูนย์วิจัยและพัฒนาซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 18 เดือนที่แล้วเพื่อสนับสนุนการพัฒนารถยนต์สำหรับตลาดเมืองไทยและอีกกว่า 70 แห่งทั่วโลก ทีมผู้บริหารกำลังทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าจะขยายธุรกิจนิสสันเพื่อประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการส่งออกไปทั่วโลก

ดังนั้นการดำเนินธุรกิจของนิสสันมีขนาดใหญ่อยู่แล้ว แต่เราต้องการเติบโตให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นในอนาคตระยะกลาง

Q: คุณจะแสวงหาโอกาสเพิ่มเติมนั้นร่วมกับมิตซูบิชิด้วยหรือไม่

แน่นอน…การเป็นพันธมิตรจะช่วยขับเคลื่อนการผนึกกำลัง และเราได้เริ่มมองหาโอกาสการใช้ประโยชน์จากทุกด้านที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับลูกค้า เหมือนที่เราทำงานกับเรโนลต์

เราต้องแน่ใจว่าเราได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเป็นพันธมิตรครั้งนี้ และจะสร้างผลกระทบด้านบวกเพื่อลูกค้าของเรา