คุณภวเกียรติ กีรติชีวนันท์ Bitwise GROUP กับ แนวคิด Lean Management ตัวช่วยที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับโลก

อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 2562
  • Share :
  • 1,564 Reads   
“ความเข้มข้นทางการแข่งขันในธุรกิจ เป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรองได้ และโจทย์ของเรา คือ ผลิตให้เร็วที่สุด และต้นทุนที่ดีที่สุด การเลือกใช้เทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องสำคัญในการลดขั้นตอน ลดการสูญเสีย และยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์” อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น นับเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ในฐานะผู้ส่งออกอันดับสองของโลก แน่นอนว่าความสำเร็จนี้ย่อมอยู่ท่ามกลางการแข่งขันในระดับโลกด้วยเช่นกัน “บริษัท บิทไว้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด” ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายใหญ่ของไทย จึงจำเป็นต้องพัฒนาองค์กรให้มีความเข้มแข็งในทุกด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และการมีต้นทุนการผลิตที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ผลักดันในบริษัทเติบโตอย่างมาก
 
ในช่วงเริ่มต้น บิทไว้ส์เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องปรับอากาศตามความต้องการของลูกค้า ทั้งในรูปแบบการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด (OEM: Original Equipment Manufacturer) และรวมถึงการรับจ้างตั้งแต่การออกแบบและผลิตแบบครบวงจร (ODM: Original Design Manufacturing) โดยในปี 2540 บริษัทได้พัฒนาต่อยอดธุรกิจ ด้วยการผลิตเครื่องปรับอากาศภายใต้แบรนด์ของตัวเองอย่าง “Tasaki” เครื่องปรับอากาศแบรนด์คนไทยที่มุ่งเน้นให้เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพ  ประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  และมีราคาไม่แพง โดยมีลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน คือ กลุ่ม B2B โดยเฉพาะงานโครงการทุกขนาด ทั้งอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล โรงงาน และอื่น ๆ ด้วยประสบการณ์อันยาวนานจนถึงวันนี้ บริษัทบิทไว้ส์มีธุรกิจในเครือรวม 3 บริษัท เดินยุทธศาสตร์สร้างแบรนด์ Tasaki ครองตลาดเครื่องปรับอากาศ B2B อันดับต้น ๆ ของประเทศไทย และส่งออกเครื่องปรับอากาศไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก จึงนับเป็นหุ้นส่วนความสำเร็จและความภาคภูมิใจของประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกอันดับสองของโลก  
 
 
“ในอดีตผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะมองแค่ว่าทำการผลิตจำนวนมาก ๆ เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุด โดยไม่ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพหรือต้นทุนการผลิตมากนัก  แต่การทำธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง เราไม่สามารถมองแค่นั้นได้ ประสิทธิภาพในการผลิตและต้นทุนที่ดีจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของเราแข็งแกร่งได้”
 
ด้วยการตีโจทย์ในสนามแข่งเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นอย่างเข้าใจ “คุณภวเกียรติ กีรติชีวนันท์”  ทายาทผู้รับไม้ต่อจากรุ่นผู้ก่อตั้ง “คุณสมยศ กีรติชีวนันท์” จึงมีการบริหารแบบลีน (Lean Management) ที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่า และขจัดการสูญเสียโดยเฉพาะในกระบวนการผลิต เพื่อผลักดันให้บิทไว้ส์เข้าสู่กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพอย่างเต็มรูปแบบ จึงมีการลงทุนเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงมาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น เครื่องจักรงานโลหะแผ่นที่ทำได้ทั้งงานตัดและงานเจาะแบบอัตโนมัติในเครื่องเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องจักรประเภท Combination Process ที่ทำให้มี Productivity ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ชิ้นงานที่ได้มีความเที่ยงตรงและแม่นยำ ลดการสูญเสียเศษจากการตัด ลดพื้นที่จัดวางเครื่องจักร ลดขั้นตอนและต้นทุนในการโอนย้ายไลน์การผลิต รวมถึงพนักงานจะเป็นเพียงผู้ตั้งค่าและควบคุมให้เครื่องจักรทำงานเท่านั้น  นอกจากนี้ ยังมีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในกระบวนการพ่นสี และกระบวนการเชื่อม เพื่อให้ทุกชิ้นงานมีคุณภาพสม่ำเสมอ
 
“เมื่อโจทย์ของเรา คือ ผลิตให้เร็วที่สุด เพื่อต้นทุนที่ดีที่สุด การเลือกใช้เทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เกิดการปรับปรุงการผลิต ลดกระบวนการ ลดการสูญเสีย ลดกำลังคน และนำมาซึ่งการยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์”
 
งานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญของบิทไว้ส์ ทั้งการทำศึกษาค้นคว้าวิจัยภายในองค์กร และการทำวิจัยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น สู่การขับเคลื่อนทิศทางสำคัญต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบิทไว้ส์เป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศที่สามารถผลิตเครื่องปรับอากาศระบบ DC Inverter การสร้างอาคารสำนักงานใหม่ให้เป็นอาคารที่ติดตั้งแผงโซลาเซลล์ตั้งเป้าผลิตไฟใช้ภายในอาคารให้ได้ 30% รวมถึงการออกแบบอาคารและวัสดุที่เลือกใช้
 
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดฝึกอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ  ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร  วิศวกร  และพนักงานระดับปฏิบัติการ เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน  จนปัจจุบัน กลุ่มบริษัทบิสไว้ส์เติบโตก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำตลาดทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย และเป็นที่ยอมรับกว่า 50  ประเทศทั่วโลก โดยมีรายได้รวมในปี 2560 กว่า 1,700 ล้านบาท