สั้น ๆ ได้ใจความ คำแนะนำจาก Chairman and President - IMC Group ต่อ อุตสาหกรรมไทย

อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 2562
  • Share :
  • 2,865 Reads   

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2562 - ใน งานสัมนนา “ISCAR LOGIQ” ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ Mr. Jacob Harpaz ประธานบริหาร IMC Group ได้มาเยือนประเทศไทย เพื่อบรรยาย เกี่ยวกับนวัตกรรมของวงการแปรรูปโลหะทั่วโลก ความสำคัญของอุตสาหกรรม 4.0 พร้อมกับแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ของ ISCAR ให้นักอุตสาหกรรมไทยกว่า 400 คนที่มาร่วมงานรับฟัง และได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวอุตสาหกรรม M Report ในหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ

IMC Group คือใคร 

International Metalworking Companies หรือที่รู้จักในชื่อ IMC Group เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีตัดเฉือนโลหะชั้นนำอันดับสองของโลก ประกอบด้วยบริษัทในเครือ 13 บริษัท 130 สาขาใน 60 ประเทศ มีความแข็งแกร่งในทุกด้าน และเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การลงทุนของ Berkshire Hathaway Inc โดย Mr. Warren Buffett นักลงทุนชื่อดังระดับโลก 

ปัจจุบัน IMC Group มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย สำหรับผลิตภัณฑ์ด้านคัทติ้งทูล(Cutting Tools) เม็ดมีดคาร์ไบด์ ดอกเอ็นมิลคาร์ไบด์ รวมถึงเครื่องมือตัดที่ครอบคลุมการใช้ในงานตัดโลหะ พร้อมกับบริการด้านวิศวกรรมและแก้ปัญหาการผลิตให้กับอุตสาหกรรมหลัก เช่น ยานยนต์ อากาศยาน รถไฟ แม่พิมพ์ จึงมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจำนวนมากที่ออกแบบมาโดยเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า ทำให้ IMC Group เป็นผู้นำระดับโลก โดย ISCAR (อีสคาร์) ถือเป็นหนึ่งในเรือธง ของเครือบริษัท IMC Group 


M Report: คุณมีความเห็นอย่างไรต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

Mr. Harpaz: “ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นกระแสที่ถูกกล่าวถึงทั่วโลก การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของผมในการเดินทางทั่วโลก ผมกลับพบว่า มีการลงทุนอย่างมหาศาลของอุตสาหกรรมยานยนต์ไปที่เทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbo Charger) ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์มีขนาดเล็กลง สมรรถนะสูงขึ้น ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

ถึงแม้ว่าการเติบโตของรถไฟฟ้า (Electirc Vehicles: EV) จะความคืบหน้าเป็นอย่างมาก แต่เป็นการเติบโตที่จะเกิดขึ้นสำหรับการใช้เฉพาะที่ เช่น ในเมืองเพื่อจัดการกับปัญหามลพิษ ผมอยากบอกว่า มีรถยนต์อีกประเภทหนึ่ง ที่ผมคิดว่าจะมีการเติบโตสูงเช่นกัน คือ รถยนต์ไฮบริด เนื่องจากเป็นยานยนต์ ที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่สูง ประหยัดน้ำมัน และได้รับการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก”

M Report: มีคำแนะนำสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อย่างไร

Mr. Harpaz: “ผมมีความเห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ คือความเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงของงานโลหะการ ซึ่งกำลังก้าวไปสู่กระบวนการผลิตชิ้นงานที่มีคุณภาพมากขึ้น เช่น Precision Casting, Precision Forging, และอื่น ๆ ซึ่งผู้ผลิตจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับจำนวนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้องการแข่งขันกับผู้ผลิตที่มีกำลังผลิตสูง อย่างเช่นในประเทศจีน 

ในปัจจุบัน ผู้ผลิตไทยมุ่งเน้นและพยายามในการลดต้นทุนการผลิต อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยต้องการรักษาการเป็นฮับในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ผลิตไทยจำเป็นจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้เท่าทันผู้ผลิตรายอื่น ซึ่งในยุคที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ การมุ่งเน้นในการลดต้นทุนเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้ไม่สามารถก้าวทันในด้านอื่น ๆ ได้

ผลิตภัณฑ์ของ IMC Group ถูกพัฒนาให้สอดคล้องไปกับเทรนด์ในปัจจุบัน และอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Machine Tools หรือเทคโนโลยีอื่นทั่วโลก แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้มากนัก เนื่องจากไม่ใช่ว่าคนส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า และยังจำเป็นต้องใช้รถยนต์ทั่วไปอยู่

ผมหวังว่า ผู้ผลิตไทยจะเข้าใจมากขึ้นว่า Industry 4.0 คืออะไร เนื่องจากมันไม่ใช่แค่สโลแกน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง คุณไม่สามารถยืนหยัดทำงานด้วยเทคโนโลยีเดิมได้ หากไม่พัฒนาทักษะให้สอดคล้องไปด้วยแล้ว”

M Report: มุมมองต่ออุตสาหกรรมไทย

Mr. Harpaz: “ผมมองเห็นการพัฒนาอย่างมากของประเทศไทยนับจากเมื่อครั้งแรกเริ่ม ที่ผมเข้ามาในตลาดนี้กว่า 35 ปี อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีความเข้มแข็งมาก และไม่ต้องสงสัยว่าผู้ผลิตญี่ปุ่นมองไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตยานยนต์นอกประเทศของญี่ปุ่น แน่นอนว่า ตลาดก็มีขึ้นมีลงบ้าง เช่นในปีนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่เพียงแค่ไทย แต่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ ต่างได้รับผลกระทบทั้งสิ้น แต่ผมเชื่อว่าในอนาคต อุตสาหกรรมไทยจะดีขึ้นอย่างแน่นอน”

M Report: คุณมีข้อแนะนำใดต่ออุตสาหกรรมไทยหรือไม่

Mr. Harpaz: “ผมยังอยากเห็นคนไทยสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเอง สร้างชื่อเสียง ให้มีสินค้าที่สามารถบอกว่า Made in Thailand เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพที่เชื่อถือได้ ส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก เมื่อทำได้เช่นนี้ ผมเชื่อว่า เราทุกคนจะได้คุณค่าและภูมิใจ สร้างแบรนด์คำว่า Made In Thailand

นอกจากนี้ ทาง Mr. Harpaz ยังได้กระซิบบอกว่า มีแผนในการลงทุนตั้งโรงงานของ IMC Group ในไทย เพื่อผลิตสินค้าคุณภาพมาตรฐาน IMC ภายใต้การลงทุนของ IMC group ในระยะเวลาอันใกล้นี้อีกด้วย ถือเป็นข่าวดีจริง ๆ สำหรับประเทศไทยทั้งในด้านเศรษฐกิจ และยังทำให้อุตสาหกรรมไทยก้าวทันเทคโนโลยีด้านโลหะการได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย